เช็กด่วน! 6 กับดักที่ทำให้สอบ IC ไม่ผ่าน!

เช็กด่วน! 6 กับดักที่ทำให้สอบ IC ไม่ผ่าน!

1. อ่านหนังสือไม่ครอบคลุม

  • บางคนเลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่ตัวเองถนัด เช่น เน้นคำนวณแต่ไม่อ่านจรรยาบรรณ หรือเน้นจรรยาบรรณแต่ไม่ฝึกคำนวณ
  • ข้อสอบออกครบทุกหมวด ถ้าอ่านไม่ครบ = พลาดคะแนนไปง่ายๆ
  • เทคนิค:
    • เช็ก Syllabus ของข้อสอบ แล้วทำ Checklist ว่าอ่านครบทุกหัวข้อแล้วหรือยัง
    • ใช้เทคนิค เน้นเวลาอ่านเป็นโซน เช่น เช้าอ่านจรรยาบรรณ เย็นฝึกคำนวณ

2. จำสูตรได้ แต่ไม่ใช้เป็น

  • ท่องสูตรคำนวณและอัตราส่วนต่างๆ ได้หมด แต่พอเจอโจทย์จริงกลับตีความผิด
  • หลายคนจำสูตรได้ แต่พลาดเรื่องหน่วย หรือเงื่อนไขในการใช้สูตร
  • เทคนิค:
    • เข้าใจแนวคิดของสูตร ไม่ใช่แค่จำ เช่น P/E Ratio ใช้ดูอะไร? สูงหรือต่ำ?
    • ฝึกทำโจทย์หลากหลายสถานการณ์ จะช่วยให้ใช้สูตรได้คล่องขึ้น

3. ทำข้อสอบแบบไม่มีแผน

  • บางคนทำข้อที่ยากก่อน จนเสียเวลา สุดท้ายทำข้อที่ง่ายไม่ทัน
  • บางคนเจอข้อสอบที่ให้เลือก “ข้อที่ผิด” แต่เผลอตอบข้อที่ถูก เพราะอ่านโจทย์ไม่ดี
  • เทคนิค:
    • ทำข้อที่ง่ายก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาทำข้อที่ยาก
    • ใช้เทคนิคตัดตัวเลือก ข้อสอบบางข้อใช้การเดาอย่างมีหลักการได้

4. บริหารเวลาไม่ดี

  • ข้อสอบ P1 มีเวลา 150 นาที หรือ เฉลี่ยข้อละ 1.5 นาที เท่านั้น! ถ้าใช้เวลาข้อละ 3-4 นาที = ทำไม่ทันแน่นอน
  • เทคนิค:
    • ฝึกทำข้อสอบโดยจับเวลา เช่น ทำ 10 ข้อ ภายใน 15 นาที
    • ใช้หลักแบ่งเวลาเป็น 3 ช่วง
      • 30 นาทีแรก: ทำข้อที่ง่ายและมั่นใจก่อน
      • 60 นาทีถัดไป: ทำข้อที่ต้องคิดวิเคราะห์
      • 30 นาทีสุดท้าย: ทบทวนและทำข้อที่เว้นไว้

5. ไม่ฝึกทำข้อสอบเก่า

  • บางคนอ่านหนังสือเยอะมาก แต่ไม่เคยลองทำข้อสอบเลย
  • พอเจอข้อสอบจริงกลับทำไม่ทัน เพราะไม่คุ้นเคยกับแนวคำถาม
  • เทคนิค:
    • ฝึกทำข้อสอบเก่าขั้นต่ำ 3-5 ชุด ดูว่าข้อไหนออกบ่อย วิเคราะห์ว่าข้อไหนที่เคยทำผิดแล้วกลับไปอ่านเฉพาะจุดนั้น
    • ใช้เทคนิค “เปิด-ปิด” ทำข้อสอบรอบแรกแบบเปิดหนังสือ แล้วลองสองสองทำแบบปิดหนังสือ

6. อ่านเยอะ แต่ไม่ทบทวน

  • บางคนอ่านหนังสือเยอะมาก แต่ไม่มีการทบทวน ทำให้ลืมสิ่งที่อ่านไปแล้ว
  • การอ่านเพียวๆครั้งเดียว ไม่เพียงพอ สมองต้องการการทบทวนซ้ำ เพื่อให้จดจำได้ดีขึ้น
  • เทคนิค:
    • ใช้เทคนิค Spaced Repetition หรือการทบทวนเป็นรอบๆ เช่น
      • อ่านรอบแรก -> ทบทวนอีกครั้งใน 1 วัน
      • ทบทวนซ้ำใน 3 วัน และ 7 วัน

Private Asset การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่อยู่นอกตลาด

Private Asset หรือ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่อยู่นอกตลาด

  • ตราสารหนี้เอกชน (Private Debt) คือ การให้กู้ยืมแก่บริษัทเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาด
  • เฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) คือ กองทุนประเภทหนึ่งที่มีกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและซับซ้อน เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูง
  • หุ้นนอกตลาด (Private Equity) คือ การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • อสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate) คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้อยู่ในตลาด เช่น อพาร์ทเมนต์ โรงแรม หรือที่ดิน
  • โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Private Infrastructure) คือ การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น โรงไฟฟ้า ทางด่วน รถไฟฟ้า และอื่นๆ

ทางเลือกในการลงทุนใน Private Asset

  1. การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดโดยตรง เป็นการลงทุนโดยตรงในสินทรัพย์ต่างๆ ที่ไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น การให้กู้ยืมโดยตรงธุรกิจ (Private Credit/Debt) การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate)
  2. การลงทุนในกองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน Private Asset เป็นการลงทุนผ่านกองทุนที่บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนใน Private Asset กองทุนเหล่านี้จะระดมทุนจากนักลงทุนหลายรายเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ

ลงทุนใน Private Asset ดีอย่างไร

  1. ผลตอบแทนที่อาจสูงกว่า เนื่องจาก Private Asset มักมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ในตลาด (Public Asset)
  2. ลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน Private Asset มักมีความผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากไม่ถูกซื้อขายในตลาดเปิด ทำให้ไม่ผันผวนตามความต้องการตลาด
  3. เป็นการกระจายความเสี่ยง การลงทุนใน Private Asset ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ ต่ำ
  4. เปิดโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ Private Asset ครอบคลุมสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้มีโอกาสลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

เปิดโลกการลงทุนใน Private Asset ที่ไม่เหมือนใคร! เรียนรู้กลยุทธ์การลงทุนใน Private Asset จากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสร้างโอกาสในการแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้า ไปลงเรียนหลักสูตรนี้เลย “Private Asset ทางเลือกใหม่ของการลงทุน” ได้ความรู้ + นับชั่วโมงต่ออายุใบอนุญาต

Checklist ก่อนสอบ IC License พร้อมแค่ไหน เช็กเลย!

Checklist ก่อนสอบ IC License พร้อมแค่ไหน เช็กเลย!

  • รู้ขอบเขตเนื้อหาที่ใช้สอบ + จำนวนข้อและระยะเวลาสอบ
  • อ่านเนื้อหาครบ จบทุกบทแล้ว
  • ฝึกทำแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่าให้เยอะที่สุด (อย่างน้อย 3 ชุดขึ้นไป!)
  • จำสูตรคำนวณได้ขึ้นใจ พร้อมใช้เป็นในทุกสถานการณ์
  • มีแผนการทำข้อสอบ และบริหารเวลาสอบเป็น
  • เช็กเอกสารให้พร้อม ห้ามพลาดวัน/เวลา/สถานที่สอบ

ตัวช่วยเตรียมสอบ คอร์ส Super deal ติว IC – Ultra

  1. อบรมออนไลน์
  2. อบรมผ่าน E-learning
  3. สิทธิ์สอบ 1 ครั้ง
  4. โจทย์พิเศษมากกว่า 650 ข้อ

ทำความรู้จักกองทุน Thai ESG 2567

ทำความรู้จัก กองทุน Thai ESG 2567

ทางเลือกการลงทุน + สิทธิประโยชน์ทางภาษี

Thailand ESG Fund หรือ TESG คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ที่มีนโยบายลงทุนและให้ความสำคัญในการลงทุนตามหลัก ESG และให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่ผู้ลงทุน

เหมาะกับใครบ้าง? ผู้ที่มีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว ตั้งแต่ 5 ปี และต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม

เงื่อนไข

  • สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท (ไม่นับรวม SSF, RMF)
  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปี (นับวันชนวัน), ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
  • สามารถใช้ลดหย่อนได้ 1 มกราคม 67 ถึง 31 ธันวาคม 69

สรุป รายการลดหย่อนภาษี 2567

สรุป รายการลดหย่อนภาษี 2567
การคำนวณหาเงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิ = เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน

การคำนวณหาภาษีที่ต้องชำระ
ภาษีที่ต้องชำระ = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี

ส่วนตัวและครอบครัว
ส่วนตัว: 60,000 บาท

คู่สมรส (ไม่มีรายได้): 60,000 บาท

บุตร: 30,000 บาท

(บุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป ที่เกิดในปี หรือหลังปี พ.ศ. 2561 คนละ 60,000 บาท)

ค่าเลี้ยงดูบิดา มารดา: คนละ 30,000 บาท

ค่าคลอดบุตร: ไม่เกิน 60,000 บาท

ค่าอุปการะคนพิการ: คนละ 60,000 บาท

ประกันและการลงทุน
ประกันชีวิต/ประกันสะสมทรัพย์: ไม่เกิน 100,000 บาท

ประกันสุขภาพตัวเอง: ไม่เกิน 25,000 บาท

รวมกันแล้ว ไม่เกิน 100,000 บาท

ประกันสังคม: ไม่เกิน 9,000 บาท

ประกันสุขภาพบิดามารดา: ไม่เกิน 15,000 บาท

ประกันชีวิตคู่สมรส (ไม่มีรายได้): ไม่เกิน 10,000 บาท

ประกันชีวิตแบบบำนาญ: 15% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท

กองทุน SSF (ถือครอง 10 ปีนับจากวันซื้อ): 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 200,000 บาท

กองทุน RMF (อายุครบ 55 ปี, ถือครอง 5 ปี): 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ PVD/กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน: 15% ของเงินเดือน ไม่เกิน 500,000 บาท

รวมกันแล้ว ไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.): 30% ของเงินเดือน ไม่เกิน 500,000 บาท

กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): ไม่เกิน 30,000 บาท

กองทุน Thai ESG (ถือครอง 8 ปี): 30% ของเงินได้ ไม่เกิน 100,000 บาท

กระตุ้นเศรษฐกิจ
ดอกเบี้ยบ้าน: ไม่เกิน 100,000 บาท

Easy E-Receipt: ไม่เกิน 50,000 บาท (ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 67)

ค่าสร้างบ้านใหม่: 10,000 บาท (9 ก.ย. 67 – 31 ธ.ค. 68)

ต้องจ่ายล่วงหน้า 1 ล้าน รวมไม่เกิน 100,000 บาท

เที่ยวเมืองรอง: ไม่เกิน 15,000 บาท (ตั้งแต่ 1 พ.ค. – 30 พ.ย. 67)

เงินบริจาค
พรรคการเมือง: ไม่เกิน 10,000 บาท

การศึกษา, กีฬา, พัฒนาสังคม (e-Donation): 2 เท่าของที่จ่ายจริง ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน

โรงพยาบาลรัฐ: ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน

ทั่วไป: ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน

หมายเหตุ: สรุปนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น

New Year’s Resolution 2025 สอบผ่าน IC P1 ให้ได้ภายใน 1 เดือน

ลงเรียนติว + สมัครสอบกับ ATI

เรียนทบทวนเนื้อหาผ่าน E-learning ทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

ฝึกทำโจทย์แบบฝึกหัดวันละ 20 ข้อ ข้อไหนทำผิด จะกลับมาทวนซ้ำ

ทุกเช้า อ่านทบทวนเนื้อหาที่เรียนจากเมื่อวาน

2 สัปดาห์ก่อนสอบ อ่านทบทวนจากสรุป E-Study Note

มุ่งมั่น ตั้งใจ ทําสม่ําเสมอทุกวัน สอบผ่านแน่นอนภายใน 1 เดือน
เตรียมตัวพร้อมสอบยังไงให้ทันภายใน 1 เดือน
สมัครติวสอบกับ ATI ได้ materials ครบ จบ ในที่เดียว
คอร์สติวสด + คอร์สติว E-learning + สิทธิ์สอบ 1 ครั้ง + โจทย์แบบฝึกหัด + E-Study Note