ความจำไม่ดี แนะวิธีเตรียมสอบ IC ให้ปัง

ความจำของมนุษย์ แบ่งเป็นสองประเภทหลักๆ

  • ความจำระยะสั้น: เปรียบเสมือนพื้นที่พักข้อมูลชั่วคราวในสมอง ซึ่งจะเก็บข้อมูลได้จำกัดและอยู่ได้ไม่นาน มักใช้ในการจำสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ในขณะนั้น เช่น หมายเลขโทรศัพท์
  • ความจำระยะยาว: เปรียบเสมือนคลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่เก็บข้อมูลได้ไม่จำกัดและอยู่ได้นาน อาจอยู่ตลอดชีวิต ใช้ในการจำความรู้ ประสบการณ์ หรือทักษะต่างๆ ที่เราสะสมมา

เทคนิคจำแบบฉบับเร่งรัด

  • เทคนิคจำให้แม่น ให้เปลี่ยนความจำระยะสั้น เป็นระยะยาว โดยการทบทวนซ้ำ และเชื่อมโยงข้อมูล

Mind Map

  • Mind Map คือ การสร้างแผนผังความคิด ช่วยจัด ระบบความคิด โดยเริ่มจากหัวข้อหลักตรงกลาง แล้วแตกกิ่งก้านออกไปเป็นหัวข้อย่อยๆ
  • ใช้ภาพ สี และคำสำคัญ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลให้เห็นภาพรวมและความสัมพันธ์ของเนื้อหา
  • ตัวอย่าง:
    • [ภาพประกอบ Mind Map ของกองทุนรวม]

Active Recall

  • ทบทวนแบบมีประสิทธิภาพ โดยการตั้งคำถามกับตัวเอง
  • แล้วพยายามตอบโดยไม่ต้องดูหนังสือ
  • ช่วยให้รู้ว่าส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ และต้องกลับไปทบทวนเพิ่มเติม
  • ตัวอย่าง:
    • วิธีคำนวณอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น? -> ลองคำนวณจากโจทย์ที่เคยทำ แล้วปิดหนังสือไว้
    • ความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนกับความเสี่ยงเป็นอย่างไร? -> ลองอธิบายด้วยคำพูดตัวเอง และลองยกตัวอย่างประกอบ
    • ไปลองดูคำตอบในหนังสือ -> ถ้าผิดไปดูคำตอบในหนังสือ และค่อยคิดคำตอบด้านหลังดู

Spaced Repetition

  • เป็นการทบทวนเนื้อหาเป็นช่วงๆ โดยเว้นระยะห่างระหว่างการทบทวนแต่ละครั้ง
  • ช่วยลดการลืมข้อมูลที่เคยอ่านแล้วได้เป็นอย่างดี ค่อยๆ ทบทวนเพิ่มความถี่ในการทบทวน
  • ตัวอย่าง:
    • วันแรก: อ่านเนื้อหาเรื่อง “อัตราส่วนทางการเงิน”
    • วันที่ 2: ทบทวนเนื้อหาเดิม
    • วันที่ 4: ทบทวนเนื้อหาเดิมอีกครั้ง
    • วันที่ 8: ทบทวนเนื้อหาเดิมอีกครั้งและเพิ่มระยะห่างไปเรื่อยๆ

Mnemonics

  • เป็นการสร้างเทคนิคช่วยจำ โดยใช้คำคล้องจอง
  • เรื่องราว หรือภาพ เพื่อให้จำง่ายไม่ลืม
  • ตัวอย่าง: ประเภทรายได้ที่ต้องนำมาประเมิน 8 ประเภท
  • เดือนข้าง สิทธิ์สินค้า ลงทุนได้ อย่างอิสระ และรับเหมาอื่นๆ
    • เดือน: 40(1): เงินได้จากการจ้างงาน เช่น เงินเดือน โบนัส
    • ข้าง: 40(2): เงินได้จากหน้าที่ ตำแหน่ง เช่น ค่าคอมมิชชั่น
    • สิทธิ์: 40(3): เงินได้จากค่าแห่งความนิยม
    • ลงทุน: 40(4): เงินได้จากดอกเบี้ย เงินปันผล (ที่ได้จากการลงทุน)
    • ได้: 40(5): เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน
    • อย่าง: 40(6): เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น แพทย์ ทนาย
    • อิสระ: 40(7): เงินได้จากการรับเหมา
    • อื่นๆ: 40(8): เงินได้จากการธุรกิจ การค้า การเกษตร อื่นๆ

เตรียมสอบ IC P1 “มูลค่าตราสารหนี้” กับดักที่ทำผิดกันเยอะที่สุด!

เตรียมสอบ IC P1 “มูลค่าตราสารหนี้” กับดักที่ทำผิดกันเยอะที่สุด!

วิธีประเมินมูลค่าของตราสารหนี้

  • แบบที่มีการชำระดอกเบี้ย (Coupon Bond)
    • มูลค่าของตราสารหนี้ = (1+YTM)1C1​​+(1+YTM)2C2​​+…+(1+YTM)nCn​​+(1+YTM)nPAR​
    • โดย:
      • Ci = ดอกเบี้ยรับ (coupon interest payment) ณ งวดที่ i
      • n = จำนวนงวดทั้งหมดที่ได้รับกระแสเงินสดจากดอกเบี้ย (coupon payment period)
      • YTM = ผลตอบแทนกระทั่งถือหมดอายุ (yield to maturity)
      • PAR = มูลค่าที่ตราไว้ หรือ ราคาของตราสารหนี้ (face value) หรือ par value
  • แบบที่ไม่มีการชำระดอกเบี้ย (Zero Coupon Bond)
    • มูลค่าของตราสารหนี้ = (1+YTM)nPAR​
  • กฎข้อที่ให้จำ:
    • ตัวตั้งตัวหารคือ “ดอกเบี้ย” และ “อัตราดอกเบี้ย”
    • ในการคำนวณ ให้เลือกใช้สูตรที่ถูกต้อง

ตัวอย่างโจทย์

หุ้นกู้ OMG อายุคงเหลือ 2 ปี มีมูลค่าที่ตราไว้ 1,000 บาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการคือ 6% ต่อปี มูลค่าของหุ้นกู้ OMG คือเท่าไหร่?

  • Step 1 หาดอกเบี้ยต่อหนึ่งงวด (หา Ci)
    • อัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว (Coupon Rate) เท่ากับ 4% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
    • แสดงว่าจ่ายงวดละ = 4 / 2 = 2%
    • ดังนั้น ผู้ถือหุ้นกู้ได้รับดอกเบี้ยงวดละ 1,000 x 2% = 20 บาท
  • Step 2 หาอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการต่อหนึ่งงวด (หรือหา YTM)
    • อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการเท่ากับ 6% ต่อปี มีดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
    • ดังนั้นอัตราผลตอบแทนที่ต้องการต่อหนึ่งงวด เท่ากับ 6 / 2 = 3%
  • Step 3 หาจำนวนงวด
    • จำนวนงวดที่เหลือ คือ 2 ปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ดังนั้นที่เหลือเท่ากับ 2 x 2 = 4 งวด
  • Step 4 แทนค่าในสูตร คำนวณหามูลค่าของหุ้นกู้
    • [ตัวเลขและสูตรคำนวณในภาพ]
    • = 19.42 + 18.85 + 18.30 + 906.26
    • = 962.83
  • ดังนั้น มูลค่าของหุ้นกู้ OMG ที่มีอายุคงเหลือ 2 ปี คือ 962.83 บาท

4 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการคำนวณมูลค่าตราสารหนี้

  1. ใช้ YTM ต่อปีผิด แทนที่จะใช้ YTM ต่องวดในการคิดกระแสเงินสดรายงวด
  2. ใช้จำนวนปีที่เหลือผิด แทนที่จะใช้จำนวนงวดที่เหลือในการคำนวณ
  3. ไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว ให้สอดคล้องกับความถี่ในการจ่ายดอกเบี้ย
  4. ลืมบวกหรือตัดดอกเบี้ยหน้าตั๋วกับ YTM ในกรณีคำนวณหาปัจจุบัน
  • ผิดพลาดบ่อยๆ คำนวณไปคนละแบบ
  • แบบนี้ง่ายกว่าแน่นอน