วิธีการเลือกกองทุนด้วยหลัก 2R 2S 2F

วิธีการเลือกกองทุน ด้วยหลัก 2R 2S 2F

2R

  • Return – สม่ำเสมอ:
    • หากองทุนที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังสม่ำเสมอ 3, 5 ปี
    • ผลตอบแทนเฉลี่ยบรรลุเป้าหมายการลงทุน
  • Risk – เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้:
    • เลือก SD ต่ำ (Standard Diviation) ถ้าเรามีความผันผวนได้น้อย
    • เลือก Sharpe Ratio สูง (ค่าที่บ่งบอกถึงผลตอบแทนต่อ 1 หน่วยความเสี่ยง)

2S

  • Style – เลือกสไตล์การลงทุนที่ชอบ:
    • เช่น Active Fund หรือ Passive Fund
  • Selection – เลือกสินทรัพย์ลงทุนที่ใช่:
    • เลือกสินทรัพย์ของกองทุนที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
    • เหมาะสมกับเป้าหมายของเรา เช่น หุ้นเติบโต หุ้นขนาดเล็ก

2F

  • Fee – ค่าธรรมเนียมต้องถูก:
    • ค่าธรรมเนียมกองทุนประกอบด้วยหลายส่วน
    • หากค่าธรรมเนียมสูง ย่อมส่งผลให้ผลตอบแทนลดลงไปด้วย
  • Fund manager – ต้องเก่ง:
    • โดยดูผลการบริหารของกองทุนย้อนหลังไปหลายๆ ปี และทำความรู้จักผู้จัดการกองทุนผ่านช่องทางต่างๆ

***การเลือกกองทุนไม่ได้มีหลักการตายตัว สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ***ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสามารถดูรายละเอียดได้ที่ Fund Fact Sheet ของกองทุน, www.morningstarthailand.com, และ www.wealthmagik.com

ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวม, การจัดพอร์ตกองทุนรวม + อบรมเพื่อต่ออายุใบอนุญาต IC มาลงเรียนกับ ATI เลย สมัครเรียน สแกนที่ QR ในรูป

เตรียมสอบ IC ยังไงให้สอบผ่านในรอบเดียว!

1. วางแผนอ่านแบบ Smart ไม่มีแผนอ่านไปเรื่อยๆ ก็อาจจะไม่จบทันที! ให้ใช้หลักการ SMART Goal (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) มาช่วยกำหนดเป้าหมายการอ่าน

  • วิธีใช้กับการเตรียมสอบ IC
    • Specific (เฉพาะเจาะจง) -> กำหนดเลยว่าจะอ่านบทไหน เช่น “วันนี้จะอ่านเรื่องตราสารทุน”
    • Measurable (วัดผลได้) -> อ่าน 3 บทต่อสัปดาห์ และต้องทำแบบฝึกหัดท้ายบท
    • Achievable (เป็นไปได้จริง) -> อ่านวันละ 2 ชั่วโมง ไม่มากเกินไปจนทำไม่ได้
    • Relevant (เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย) -> โฟกัสเฉพาะจุดที่ต้องสอบบ่อยก่อน
    • Time-bound (กำหนดเวลา) -> ตั้งเดดไลน์ เช่น ภายใน 1 เดือนต้องอ่านครบทุกบท
  • เคล็ดลับ
    • ใช้ตารางอ่านหนังสือ และ แฮปปี้ไลฟ์ ให้ช่วยจัดเวลา
    • สรุปสั้นๆ เป็น Bullet Points หรือ Mind Map ช่วยให้จำง่าย

2. ฝึกทำข้อสอบย้อนหลังทุกวัน การอ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องฝึกทำข้อสอบจริง! เพราะสอบ IC เป็นข้อสอบปรนัยที่ต้องใช้ความเร็วและความเข้าใจ

  • วิธีฝึกให้ได้ผล
    • เริ่มจากทำข้อสอบเก่า -> ทำวันละ 20-30 ข้อ แล้วตรวจเฉลย
    • จับเวลาเหมือนสอบจริง -> วันละ 1 ชั่วโมง ฝึกทำข้อสอบแบบจับเวลาเพื่อจำกัดตัวเองให้คิดเร็วขึ้น
    • วิเคราะห์จุดอ่อนของตัวเอง -> ข้อไหนผิดบ่อยๆ ให้จดไว้ แล้วกลับไปอ่านบทนั้น
  • เคล็ดลับ
    • ใช้ Post-it ติดไว้ว่า “ผิดเรื่องอะไรบ่อย” แล้วกลับไปอ่านซ้ำ
    • ฝึกทำโจทย์แบบ Topic-based (แยกเป็นเรื่องๆ) ก่อน แล้วค่อยทำแบบรวม

3. ใช้เทคนิค “Feynman” อธิบายให้ตัวเองฟัง Feynman Technique คือ วิธีเรียนรู้ด้วยการอธิบายเนื้อหาให้เข้าใจง่ายที่สุด

  • วิธีใช้กับการเตรียมสอบ IC
    • อธิบายเนื้อหาด้วยคำพูดของตัวเอง -> ไม่ต้องใช้ศัพท์ยาก ลองพูดออกมาง่ายๆ
    • ลองสอนเพื่อน -> ถ้าอธิบายให้เพื่อนฟังได้ แปลว่าเราเข้าใจเนื้อหาในเรื่องจริงๆ
    • เขียนสรุปเป็นของตัวเอง -> ถ้าเรายังใช้ศัพท์ที่ยาก แปลว่าเรายังไม่เข้าใจ 100%
  • เคล็ดลับ
    • ลองอัดเสียงพูดของตัวเอง แล้วฟังซ้ำ จะช่วยให้จำได้แม่นขึ้น
    • ใช้เทคนิค “สองกระดาษ” – เขียนอธิบายเนื้อหาเหมือนสอนคนอื่น

สูตรลับ 30 วัน เตรียมสอบ IC License ให้ผ่านในครั้งเดียว!

  • Query successful

ได้เลยครับ นี่คือข้อความที่แปลงมาจากภาพที่คุณส่งมา


สูตรลับ! 30 วัน เตรียมสอบ IC LICENSE ให้ผ่านในครั้งเดียว!

สัปดาห์ที่ 1 : ปูพื้นฐาน + อ่านบทที่ออกเยอะที่สุด

  • เป้าหมาย: เข้าใจภาพรวมของข้อสอบและเน้นอ่านบทที่ออกเยอะที่สุด เริ่มจากบทที่ออกสอบเยอะ
    • เช่น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวม
  • เทคนิคแนะนำ:
    • อ่านแบบ Skim & Scan – ดูหัวข้อใหญ่ก่อน แล้วค่อยลงรายละเอียด
    • จัดสรุปเป็น Mind Map – ช่วยให้เห็นภาพรวมของเนื้อหา
    • ลองทำแบบฝึกหัด – เพื่อทบทวนว่าเราเข้าใจมากแค่ไหน
    • เช็กเรื่องที่ออกข้อสอบ (QR Code ในภาพ)

สัปดาห์ที่ 2 : เจาะลึกจรรยาบรรณ + ฝึกจำสูตรคำนวณ

  • เป้าหมาย: เข้าใจจรรยาบรรณที่ออกข้อสอบบ่อย และท่องจำสูตรคำนวณสำคัญ เนื้อหาสำคัญในสัปดาห์นี้
    • กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและการให้คำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสม
    • สูตรคำนวณที่ออกสอบ เช่น อัตราผลตอบแทน, การประเมินมูลค่าหุ้นและตราสารหนี้
  • เทคนิคแนะนำ:
    • ฝึกทำโจทย์คำนวณวันละ 10-15 ข้อ
    • ใช้ Flashcard ทบทวนสูตรคำนวณและจรรยาบรรณ

สัปดาห์ที่ 3 : ลุยทำโจทย์ + ฝึกจับเวลา

  • เป้าหมาย: ฝึกทำโจทย์ให้แม่นยำ + บริหารเวลาสอบให้ดี
    • มีแผนในสัปดาห์นี้
    • ฝึกทำโจทย์ทุกวัน (วันละ 50-100 ข้อ)
    • จับเวลาเสมือนสอบจริง – ฝึกทำโจทย์ให้ครบภายใน 2 ชั่วโมง 30 นาที
    • วิเคราะห์ข้อผิดพลาด – ดูว่าติดข้อไหนบ่อยและกลับไปอ่านซ้ำ
  • เทคนิคแนะนำ:
    • ตั้งสูตร 3 รอบ (รอบแรกทำข้อที่มั่นใจ, รอบสองทำข้อที่ยังลังเล, รอบสุดท้ายทบทวน)
    • ให้ตัด Choice ที่ผิดออกก่อน หากเจอข้อที่ทำไม่ได้ อย่าเพิ่งใจร้อน
    • อ่านโจทย์ให้ละเอียด – บางทีโจทย์มี “กับดักคำถาม” ที่ทำให้เราตอบผิด

สัปดาห์ที่ 4 : ติวเข้มโค้งสุดท้าย + ทวนจุดที่ผิดบ่อย

  • เป้าหมาย: ทบทวนรายละเอียด, ทบทวนจุดที่ผิดบ่อย
    • มีแผนในสัปดาห์นี้
    • ทบทวนสรุปที่ทำไว้ – ไม่ต้องอ่านทุกหน้า แต่เน้นจุดที่ออกสอบบ่อย
    • ทำโจทย์วันละ 50 ข้อ – เป็นเรื่องที่เคยผิด
  • เทคนิคแนะนำ:
    • วันสุดท้ายก่อนสอบ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอ่านหนักเกินไป
    • เตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในวันสอบ เช่น บัตรประชาชน, ดินสอ, ยางลบ
    • ใช้เทคนิคหายใจลึกๆ ลดความตื่นเต้นก่อนสอบ

เช็กด่วน! 6 กับดักที่ทำให้สอบ IC ไม่ผ่าน!

เช็กด่วน! 6 กับดักที่ทำให้สอบ IC ไม่ผ่าน!

1. อ่านหนังสือไม่ครอบคลุม

  • บางคนเลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่ตัวเองถนัด เช่น เน้นคำนวณแต่ไม่อ่านจรรยาบรรณ หรือเน้นจรรยาบรรณแต่ไม่ฝึกคำนวณ
  • ข้อสอบออกครบทุกหมวด ถ้าอ่านไม่ครบ = พลาดคะแนนไปง่ายๆ
  • เทคนิค:
    • เช็ก Syllabus ของข้อสอบ แล้วทำ Checklist ว่าอ่านครบทุกหัวข้อแล้วหรือยัง
    • ใช้เทคนิค เน้นเวลาอ่านเป็นโซน เช่น เช้าอ่านจรรยาบรรณ เย็นฝึกคำนวณ

2. จำสูตรได้ แต่ไม่ใช้เป็น

  • ท่องสูตรคำนวณและอัตราส่วนต่างๆ ได้หมด แต่พอเจอโจทย์จริงกลับตีความผิด
  • หลายคนจำสูตรได้ แต่พลาดเรื่องหน่วย หรือเงื่อนไขในการใช้สูตร
  • เทคนิค:
    • เข้าใจแนวคิดของสูตร ไม่ใช่แค่จำ เช่น P/E Ratio ใช้ดูอะไร? สูงหรือต่ำ?
    • ฝึกทำโจทย์หลากหลายสถานการณ์ จะช่วยให้ใช้สูตรได้คล่องขึ้น

3. ทำข้อสอบแบบไม่มีแผน

  • บางคนทำข้อที่ยากก่อน จนเสียเวลา สุดท้ายทำข้อที่ง่ายไม่ทัน
  • บางคนเจอข้อสอบที่ให้เลือก “ข้อที่ผิด” แต่เผลอตอบข้อที่ถูก เพราะอ่านโจทย์ไม่ดี
  • เทคนิค:
    • ทำข้อที่ง่ายก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาทำข้อที่ยาก
    • ใช้เทคนิคตัดตัวเลือก ข้อสอบบางข้อใช้การเดาอย่างมีหลักการได้

4. บริหารเวลาไม่ดี

  • ข้อสอบ P1 มีเวลา 150 นาที หรือ เฉลี่ยข้อละ 1.5 นาที เท่านั้น! ถ้าใช้เวลาข้อละ 3-4 นาที = ทำไม่ทันแน่นอน
  • เทคนิค:
    • ฝึกทำข้อสอบโดยจับเวลา เช่น ทำ 10 ข้อ ภายใน 15 นาที
    • ใช้หลักแบ่งเวลาเป็น 3 ช่วง
      • 30 นาทีแรก: ทำข้อที่ง่ายและมั่นใจก่อน
      • 60 นาทีถัดไป: ทำข้อที่ต้องคิดวิเคราะห์
      • 30 นาทีสุดท้าย: ทบทวนและทำข้อที่เว้นไว้

5. ไม่ฝึกทำข้อสอบเก่า

  • บางคนอ่านหนังสือเยอะมาก แต่ไม่เคยลองทำข้อสอบเลย
  • พอเจอข้อสอบจริงกลับทำไม่ทัน เพราะไม่คุ้นเคยกับแนวคำถาม
  • เทคนิค:
    • ฝึกทำข้อสอบเก่าขั้นต่ำ 3-5 ชุด ดูว่าข้อไหนออกบ่อย วิเคราะห์ว่าข้อไหนที่เคยทำผิดแล้วกลับไปอ่านเฉพาะจุดนั้น
    • ใช้เทคนิค “เปิด-ปิด” ทำข้อสอบรอบแรกแบบเปิดหนังสือ แล้วลองสองสองทำแบบปิดหนังสือ

6. อ่านเยอะ แต่ไม่ทบทวน

  • บางคนอ่านหนังสือเยอะมาก แต่ไม่มีการทบทวน ทำให้ลืมสิ่งที่อ่านไปแล้ว
  • การอ่านเพียวๆครั้งเดียว ไม่เพียงพอ สมองต้องการการทบทวนซ้ำ เพื่อให้จดจำได้ดีขึ้น
  • เทคนิค:
    • ใช้เทคนิค Spaced Repetition หรือการทบทวนเป็นรอบๆ เช่น
      • อ่านรอบแรก -> ทบทวนอีกครั้งใน 1 วัน
      • ทบทวนซ้ำใน 3 วัน และ 7 วัน

Private Asset การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่อยู่นอกตลาด

Private Asset หรือ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่อยู่นอกตลาด

  • ตราสารหนี้เอกชน (Private Debt) คือ การให้กู้ยืมแก่บริษัทเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาด
  • เฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) คือ กองทุนประเภทหนึ่งที่มีกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและซับซ้อน เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูง
  • หุ้นนอกตลาด (Private Equity) คือ การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • อสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate) คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้อยู่ในตลาด เช่น อพาร์ทเมนต์ โรงแรม หรือที่ดิน
  • โครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Private Infrastructure) คือ การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น โรงไฟฟ้า ทางด่วน รถไฟฟ้า และอื่นๆ

ทางเลือกในการลงทุนใน Private Asset

  1. การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดโดยตรง เป็นการลงทุนโดยตรงในสินทรัพย์ต่างๆ ที่ไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น การให้กู้ยืมโดยตรงธุรกิจ (Private Credit/Debt) การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate)
  2. การลงทุนในกองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน Private Asset เป็นการลงทุนผ่านกองทุนที่บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนใน Private Asset กองทุนเหล่านี้จะระดมทุนจากนักลงทุนหลายรายเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ

ลงทุนใน Private Asset ดีอย่างไร

  1. ผลตอบแทนที่อาจสูงกว่า เนื่องจาก Private Asset มักมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ในตลาด (Public Asset)
  2. ลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน Private Asset มักมีความผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป เนื่องจากไม่ถูกซื้อขายในตลาดเปิด ทำให้ไม่ผันผวนตามความต้องการตลาด
  3. เป็นการกระจายความเสี่ยง การลงทุนใน Private Asset ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นๆ ต่ำ
  4. เปิดโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ Private Asset ครอบคลุมสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้มีโอกาสลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

เปิดโลกการลงทุนใน Private Asset ที่ไม่เหมือนใคร! เรียนรู้กลยุทธ์การลงทุนใน Private Asset จากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมสร้างโอกาสในการแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้า ไปลงเรียนหลักสูตรนี้เลย “Private Asset ทางเลือกใหม่ของการลงทุน” ได้ความรู้ + นับชั่วโมงต่ออายุใบอนุญาต

Checklist ก่อนสอบ IC License พร้อมแค่ไหน เช็กเลย!

Checklist ก่อนสอบ IC License พร้อมแค่ไหน เช็กเลย!

  • รู้ขอบเขตเนื้อหาที่ใช้สอบ + จำนวนข้อและระยะเวลาสอบ
  • อ่านเนื้อหาครบ จบทุกบทแล้ว
  • ฝึกทำแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่าให้เยอะที่สุด (อย่างน้อย 3 ชุดขึ้นไป!)
  • จำสูตรคำนวณได้ขึ้นใจ พร้อมใช้เป็นในทุกสถานการณ์
  • มีแผนการทำข้อสอบ และบริหารเวลาสอบเป็น
  • เช็กเอกสารให้พร้อม ห้ามพลาดวัน/เวลา/สถานที่สอบ

ตัวช่วยเตรียมสอบ คอร์ส Super deal ติว IC – Ultra

  1. อบรมออนไลน์
  2. อบรมผ่าน E-learning
  3. สิทธิ์สอบ 1 ครั้ง
  4. โจทย์พิเศษมากกว่า 650 ข้อ